1. Kawachi Fuji Garden : ฟุกุโอกะ
อยากมีความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในภาพวาดสีน้ำมันแสนสวยไหม ? ที่ในฝันตั้งอยู่ที่นี่แล้วค่ะท่ามกลางอุโมงค์ดอกไม้ Wisteria นั่นเอง สวน Kawachi Fuji Garden นี้มีต้น Wisteria มากกว่า 150 ต้นและ 20 สายพันธุ์ เหมาะกับการไปเดินชิลล์ๆ ผ่อนคลายสบายใจ นอกจากนี้ช่วงปลายๆ เดือนเมษายนของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลอง Wisteria Festival อีกด้วยค่ะ
2. Happo Pond : นางาโน่
Happo Pond ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติของนากาโน่ รู้จักกันในชื่อของสถานที่เหมาะกับการเล่นสกีในฤดูหนาว แอ่งน้ำนี้อยู่ในภูเขาที่มีความสูงถึง 2,060 เมตรจากระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว แน่นอนว่าวิวตรงนี้สวยงามจับใจค่ะ
3. Motonosumi-inari Shrine : ยามากุจิ
เสาโทริอิสีแดงตั้งตระง่านจากภูเขาไปจนถึงทะเล ที่นี่คือ Motonosumi-inari Shrine ศาลเจ้าที่ช่วยให้ผู้คนที่มาอธิษฐานประสบความสำเร็จ เชื่อไหมล่ะว่า หลังจากที่คุณหย่อยเงินบริจาคลงในกล่องรับบริจาคตรงเสาโทริอิต้นสุดท้าย ความหวังทั้งหลายของคุณจะประสบความสำเร็จ
4. Nachi Fall : วากายามะ
Nachi Fall น้ำตกที่สูงที่สุด และใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่สูงถึง 133 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จัดได้ว่าสวยมากๆ ในญี่ปุ่น และบริเวณน้ำตกยังมีศาลเจ้า Kumano Nachi Taishai แดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า หนึ่งในมรดกโลก อยู่ใกล้ๆ ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะไปเที่ยวสักครั้ง
5. Zao Ski Resort : ยามากาตะ
Zao Onsen เป็นรีสอร์ทที่รู้จักกันทั่วไปในรีสอร์ทที่คนญี่ปุ่นจะไปเล่นสกี และที่นี่ไม่ได้มีดีเฉพาะช่วงหน้าหนาว หิมะตก ยังมีช่วงที่สวยงามด้วยภูเขา และต้นไม้อีกด้วย
6. Kintetsu Beppu Ropeway : โออิตะ
ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่เราจะได้ชมวิวสวยๆ โดยไม่ต้องปีนเขาไปให้เหนื่อย เพราะมีกระเช้าซึ่งรับน้ำหนักผู้โดยสารได้ถึง 101 คนขึ้นไปบนยอดเขา Tsurumi ที่สูงที่สุด 1,375 เมตรภายใน 10 นาทีค่ะ ซึ่งจากบนนั้นเราจะได้เห็นวิวโดยรอบของ Beppu ภูเขา Yufu และ Kuju อีกด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยวก็คือ ช่วงที่ต้นเชอร์รี่บานทั่วไปทั้งเขาค่ะ
7. Matsumoto Castle : นางาโน่
Matsumoto Castle รู้จักกันในชื่อของ “Crow Castle” หรือ ปราสาทอีกา เพราะภายนอกปราสาทมีสีดำนั่นเองค่ะ Matsumoto Castle นี้ยังเป็นปราสาทที่ทำจากไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นค่ะ มีอายุมากถึง 400 ปีทีเดียว
8. Shiratani Unsuikyo Gorge : คาโกชิม่า
Shiratani Unsuikyo Gorge นี้เป็นสถานที่เหลือเชื่อที่ไม่น่ามีอยู่บนโลกจริงๆ และที่สำคัญยังเป็นสถานที่ให้แรงบันดาลใจในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Princess Mononoke ของสตูดิโอ Ghibi อีกด้วย
9. Hitachi Seaside Park : อิบารากิ
Hitachi Seaside Park รู้จักกันดีในชื่อ “Baby Blue Eyes” เป็นสวนที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นบนเนินเขา Miharashi มีขนาดกว่า 190 เฮกเตอร์ ดอกไม้ที่ปลูกที่นี่มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะในแต่ละฤดูกาล ทางสวนจะมีการปลูกดอกไม้ที่แตกต่างกันออกไป ไฮไลท์คือการมาถึงเนินเขาที่เต็มไปด้วย ดอก“Nemophilia” ซึ่งเป็นดอกไม้สีฟ้าขนาดเล็กสวยเหมือนในนิทาน 4.5 ล้านดอกเรียงๆ กันอย่างอลังการ
10. Sagano : เกียวโต
ป่าไผ่ Sagano เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวควรแวะมาเที่ยวสักครั้งหากได้มาญี่ปุ่นค่ะ เราสามารถเดินชมป่าไผ่ตามทางเดินที่ได้จัดไว้ให้เป็นระยะทาง 500 เมตร ตลอดสองข้างทางเดินประกอบไปด้วยต้นไผ่สูงชะลูด และในระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับเสียงลำไผ่สีกันยามลมพัด นับเป็นเสียงธรรมชาติที่แสนไพเราะสุดจะบรรยายไปเลยทีเดียว
11. Otaru Snow Light Path Festival : ฮอกไกโด
Napatsan Puakpong/Shutterstock.com
เทศกาลในช่วงฤดูหนาวที่พลาดไม่ได้อีกแห่งที่ฮอกไกโดคือ เทศกาล Otaru Snow Light Path Festival ค่ะ จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นเวลา 10 วันด้วยกัน ความน่าประทับใจคือแสงเทียนนับร้อยที่ลอยอยู่ในแม่น้ำจะเปล่งแสงสว่างชวนฝัน
12. Usa Shrine : โออิตะ
ศาลเจ้า Usa Shrine แห่งนี้สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 8 เพื่อถวายแด่เทพเจ้า Hachiman เทพแห่งการยิงธนูและสงคราม ผู้คนมักมาขอพรที่นี่เพื่อความโชคดี
13. Mt.Daisen : ทตโตะริ
Mt.Daisen เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมในทตโตะริ ส่วนหนึ่งของภูเขาไดเซน เป็นอุทยานแห่งชาติไดเซน-โอกิ (Daisen-Oki National Park) สูงถึง 1,729 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) และรวมอยู่ใน 100 อันดับภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ภูเขาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ และศูนย์กลางของการบูชาภูเขา มาเป็นเวลานาน
14. Itsukushima Shrine : ฮิโรชิม่า
เชื่อไหมล่ะว่า เสาโทริอิสีแดงสูงกว่า 16 เมตรนี้เป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ และโลกวิญญาณ และคอยป้องกันไม่ให้วิญญาณชั่วร้านเข้ามาในโลกฝั่งนี้ได้ แน่นอนว่าเป็นความเชื่อที่มีมาช้านานของญี่ปุ่น แต่ประตูศักดิ์สิทธิ์นี้ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญไปอีกด้วย
15. Lavender Farm : ฮอกไกโด
ประมาณเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี ในแถบนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์ที่บานสะพรั่งชูสีสันสดใสสวยงามไปทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะฟาร์ม Tomita ซึ่งมีการปลูกต้นลาเวนเดอร์สวยงามมาก ใครได้ไปเที่ยวแล้วอย่าได้พลาดชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์กันด้วยนะ
16. Golden Pavilion : เกียวโต
ปราสาทคินคาคุจิ (Kinkaku) หรือปราสาททองนี้ เดิมเป็นสถานตากอากาศของ โชกุนโยชิมิสึ (Yoshimitsu) แห่งตระกูลอาชิคางะ จากภาพยนตร์เรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง นั่นเองค่ะ เป็นสีทองจาก ทองคำเปลว อีก จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้ก็คือรูปหล่อ นกฟีนิกซ์ บนยอดปราสาท โดยรอบปราสาทมีลำธารน้ำใสสะอาดทำให้เกิดภาพสะท้อนผิวน้ำแสน สวยราวภาพวาด
17. Lake Toya : ฮอกไกโด
Lake Toya เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟค่ะ และความพิเศษตรงที่น้ำจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว ในหน้าร้อนอากาศก็เย็นสบายเหมาะสำหรับเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือล่องเรืออีกด้วย นอกจากนี้กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆอ ยู่ตรงกลาง คือ เกาะ Nakajima ซึ่งสามารถลงไปเดินเล่นได้
18. Ninnaji Temple : เกียวโต
วัดนินนาจิ ได้รับการถูกบันทึกเป็นมรดกโลก World Heritage Sites เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญของเกียวโตค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่คือ อาคารโกเท็น (Goten) สร้างขึ้นในรูปแบบของพระราชวังอิมพีเรียล และมีทางเดินเชื่อมต่อที่ตกแต่งอย่างหรูหรา นอกจากนี้ยังมีประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นโบราณ (fusuma) โดยรอบของอาคารจะถูกโอบล้อมไปด้วยสวนหินและบ่อน้ำแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกด้วย
19. Gokayama : โทยามะ
Gokayama เป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด และเก่าแก่ที่สุด มีอายุกว่า 400 ปี ไฮไลท์สำคัญก็คือ บ้านทรงแบบ gassho ซึ่งหลังคาบ้านจะมุงด้วยหญ้าทำให้มีความลาดเอียงอย่างมากนี้ เป็นลักษณะพิเศษที่เห็นได้ชัด เป็นรูปแบบงานก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง Gokayama เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก หลังคาแบบนี้จะทำให้หิมะที่ทับถมบนหลังคาไหลลงมาได้ง่าย
20. Lake Kussharo : ฮอกไกโด
ทะเลสาบ Kussharo เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฮอกไกโด น้ำสีฟ้าของที่นี่ จะกลายเป็นผืนน้ำแข็งในฤดูหนาว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อถึงช่วงฤดูหนาว อากาศที่นี่จะหนาวขนาดไหน
21. Sensoji Temple : โตเกียว
หลายคนที่ไปเที่ยวโตเกียว ถ้าพลาดที่นี่ถือว่ายังไปไม่ถึงโตเกียวเลยก็ว่าได้ ที่ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่ใครๆ ต่างเรียกกันติดปากว่า วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ค่ะ
ที่วัดเซ็นโซจินี้ มีสัญลักษณ์เป็นโคมสีแดงใหญ่ ที่เขียนเป็นตัวอักษรคันจิว่า Kaminari-Mon ซึ่งแปลว่า ประตูสายฟ้า ค่ะ ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา หรือนักท่องเที่ยวจดจำวัดนี้ได้เป็นอย่างดี และด้วยที่ตั้งที่อยู่ในย่านอาซากุสะ ทำให้ทุกคนเรียกวัดนี้ว่า วัดอาซากุสะ นั่นเอง
22. Himeji Castle : เฮียวโกะ
ปราสาท Himeji นั้นมีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปี ซึ่งนับเป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 ความสง่างามของปราสาทได้รับขนานนามว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” อีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระจำนวนกว่า 1,000 ต้นภายในปราสาทจะบานสะพรั่ง และจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกไม้
23. Jigokudani Monkey Park : นางาโน่
หลายคนมาออนเซ็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูหนาว แต่ที่นี่พวกเขาหวังมากกว่านั้น !! ที่มากกว่าที่อื่นก็คือ การมาดูลิงแช่น้ำร้อนที่ออนซ็นนั่นเอง ลิงกว่า 200 ตังที่อาศัยอยู่บนภูเขาจะลงมาแช่น้ำร้อน เพราะเวลาหนึ่งในสามของแต่ละปีจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ นักท่องเที่ยวก็จะนิยมมาแช่ออนเซ็นกับลิง ได้บรรยากาศเหมือนมาดาวเคราะห์ของลิงเลยทีเดียว
24. Hakuba Village : นางาโน่
เมือง Hakuba เป็นเมืองที่ดีในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักสกี มีรีสอร์ทสกีมากมาย แต่ในช่วงฤดูร้อน วิวทิวทัศน์ที่ต่างออกไปจากเดิมก็สวยงามไม่แพ้กัน
25. Adachi Museum of Art : ชิมาเนะ
Takamex/Shutterstock.com
สวน Adachi เป็นส่วนหนึ่งของ Adachi Museum of Art ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และแสดงให้เห็นถึงภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
26. The Sagano Railway : เกียวโต
Tooykrub/Shutterstock.com
รถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่นั่งเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เรียบแม่น้ำโฮซุกาว่า (Hozugawa River) ค่ะ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รถๆฟสายโรแมนติก ถามว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นรถไฟสายโรแมนติกนั้น ต้องขอตอบว่า วิวสองข้างทางตลอดที่รถไฟผ่านนั้น 7 กิโลเมตรจะเป็นหุบเขาสลับซับซ้อน และบ้านเรือนชนบท รวมถึงตัวรถไฟเองที่เป็นแบบโบราณ ใครที่ได้ขึ้นไปนั่งชมวิว ยิ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วด้วยนั้น จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า โรแมนติกมากๆ ค่ะ
27. Fuji Shibazakura Festival : ยามานาชิ
ทุกๆ ปีในช่วงเมษายน-พฤษภาคม หน้าร้อนของญี่ปุ่นจะมี เทศกาลทุ่งดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) เฉลิมฉลองการบานสีชมพูสะพรั่งของดอกชิบะซากุระ หรือ Moss Pink นั่นเอง ซึ่งจะมีพื้นที่ถึง 2.4 เฮกเตอร์เลยทีเดียว รับรองว่าทุกตารางจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใส สำหรับปีนี้จะตรงกับวันที่ 18 เมษายน-31 พฤษภาคม
28. Senganen Garden : คาโกชิม่า
วิวสวยสไตล์ญี่ปุ่นมากๆ มีทั้งสวนสวย, ทะเล, ออนเซ็น, ศาลเจ้า, ซุ้มไม้ไผ่ ตลอดแนวชายฝั่งทะเลทางด้านเหนือของเมืองคาโกชิม่า นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภูเขาไฟ Sakurajima และอ่าวคาโกชิม่า ที่สำคัญสวนนี้มีมาตั้งแต่ปี 1658 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุครักษ์ธรรมชาติ
อ้างอิง : http://travel.truelife.com/